การทำการตลาดออนไลน์ก็เปลี่ยนแปลงไวไม่แพ้กันนะคะ พูดเลยว่าถ้าน้องคิตตี้หยุดนิ่งเมื่อไหร่ ก็เหมือนหยุดวิ่งในงานวิ่งมาราธอนที่มีคนแซงซ้ายขวาเลยค่ะ โดยเฉพาะเรื่อง SEO ที่ Google และเครื่องมือค้นหาต่าง ๆ เค้าปรับอัลกอริทึมกันตลอดเวลา เปลี่ยนแปลงเหมือนแฟชั่นเกาหลีที่น้องคิตตี้ต้องตามให้ทัน! ถ้าคุณเป็นนักเขียนบทความ SEO หรือกำลังสนใจอยากเริ่มเขียน น้องคิตตี้ขอให้คุณท่องจำคำศัพท์สำคัญ ๆ เหล่านี้ให้ขึ้นใจเหมือนสูตรน้ำจิ้มเด็ด ๆ ที่ต้องใส่ในทุกเมนูค่ะ
เพราะถ้าขาดคำศัพท์เหล่านี้ ก็เหมือนไปทำกับข้าวแต่ลืมใส่เครื่องปรุงนั่นเอง — ไม่อร่อย ไม่มีรสชาติ และ Google ก็ไม่อยากโชว์ค่ะ!
32 คำศัพท์ทางการตลาดออนไลน์ ที่สายงาน SEO ต้องนำไปใช้
1. SEO
โอเคค่ะสาว ๆ ถ้าน้องคิตตี้จะพูดแบบง่าย ๆ เลยนะคะ SEO หรือที่ย่อมาจากคำว่า Search Engine Optimization ก็คือศาสตร์และศิลป์ในการทำให้เว็บของน้องคิตตี้ขึ้นไปปักหลักอยู่หน้าแรกของ Google หรือ Search Engine ต่าง ๆ ค่ะ นึกภาพตามนะคะ เวลาเราหาข้อมูลใน Google เราก็อยากได้คำตอบที่ถูกใจและตรงใจที่สุดใช่ไหมคะ? SEO ก็คือการช่วยให้เว็บเราโดดเด่นและตอบโจทย์สิ่งที่คนค้นหามากที่สุดนั่นเองค่ะ
เป้าหมายคือทำให้ Google รักเว็บของเราจนยอมดันขึ้นไปอยู่บนสุด ๆ เลยค่ะ ไม่ใช่แค่โชว์หน้าตาเว็บสวย ๆ นะคะ แต่ต้องจัดการเนื้อหาและเทคนิคต่าง ๆ เพื่อให้ Google อ่านใจเราออก และส่งเว็บไปโชว์ให้คนเห็นแบบเป๊ะ ๆ ตามคำค้น (Search Intent) ที่เค้าต้องการค่ะ
แต่ก็ต้องบอกว่า SEO ไม่ใช่เรื่องง่ายนะคะ มันต้องใช้ความอดทนและความรู้เหมือนปลูกต้นไม้ค่ะ ต้องรดน้ำ ใส่ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะได้ผลลัพธ์งอกงามเป็นอันดับหนึ่งใน Google ค่ะ
2. Keyword
ส่วนคีย์เวิร์ด หรือ Keyword ก็คือ “คำวิเศษ” ที่คนจะพิมพ์ลงไปใน Google เพื่อหาคำตอบค่ะ เช่น น้องคิตตี้อยากรู้ “วิธีทำ SEO” ก็พิมพ์คำนี้ลงไป Google ก็จะแสดงผลการค้นหาที่เกี่ยวข้องกับคำนี้ให้ค่ะ คีย์เวิร์ดก็เหมือนเป็นกุญแจไขประตูให้คนเข้ามาเจอเว็บไซต์เรา ถ้าเลือกคีย์เวิร์ดดี เลือกคำที่คนใช้ค้นหาบ่อย ๆ และตรงกับเนื้อหาของเรา Google ก็จะส่งคนเข้ามาเยี่ยมชมเว็บมากขึ้นค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน! เลือกคีย์เวิร์ดไม่ใช่แค่เลือกคำที่ฮิตสุดนะคะ ต้องดูด้วยว่าเค้าต้องการอะไร (Search Intent) เพราะบางทีคนอาจจะอยากรู้วิธีทำจริง ๆ หรือแค่หาข้อมูลเปรียบเทียบเฉย ๆ เราต้องรู้ใจคนค้นหาด้วยค่ะ
3. SERP
โอ๊ย คำนี้ฟังดูเป็นศัพท์วิชาการสุด ๆ แต่ถ้าน้องคิตตี้แปลเป็นภาษาง่าย ๆ ก็คือ… SERP ย่อมาจาก Search Engine Results Page หรือก็คือหน้าผลลัพธ์เวลาที่เราพิมพ์ค้นหาคำอะไรก็ได้ใน Google นั่นแหละค่ะ! นึกภาพตามนะคะ เวลาเรากดค้นหา “ร้านกาแฟใกล้บ้าน” Google ก็จะแสดงหน้าผลลัพธ์ที่มีทั้งชื่อร้าน ที่อยู่ รูปภาพ รีวิว แผนที่ ให้เราตัดสินใจว่าร้านไหนเด็ดจริง ๆ
โดยในหน้าผลลัพธ์นี้ ไม่ได้มีแค่ชื่อเว็บกับลิงก์นะคะ ยังมีอะไรเจ๋ง ๆ เรียกว่า Rich Snippets ด้วย เช่น รีวิว สินค้า วิดีโอ หรือรูปภาพต่าง ๆ ที่ช่วยให้ข้อมูลน่าสนใจและน่าคลิกมากขึ้นค่ะ
4. BERT
นี่คือเทพ AI จาก Google ค่ะ! BERT ย่อมาจากชื่อยาว ๆ ว่า Bidirectional Encoder Representations from Transformers ซึ่งฟังแล้วเหมือนมนุษย์ต่างดาวเลยใช่ไหมคะ?
จริง ๆ แล้ว BERT คือระบบอัจฉริยะที่ Google ใช้ช่วยให้เข้าใจภาษาของเรามากขึ้น เช่น เวลาเราถาม “โรงพยาบาลใกล้ที่สุด” Google ไม่ได้แค่โชว์รายชื่อโรงพยาบาลเฉย ๆ แต่จะรู้เลยว่าเราต้องการแผนที่หรือพิกัดด้วย เค้าก็เลยยก Google Maps มาให้เลยค่ะ สุดปัง!
5. On-page SEO
On-page SEO คือการจัดบ้านจัดสวนในเว็บไซต์ของเราให้เรียบร้อยและสวยงามที่สุดค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโครงสร้างเว็บให้ง่ายต่อการเดินทางของ Google bot (เหมือนจัดทางเดินในบ้านให้คนเดินไม่สะดุด), การเขียนเนื้อหาคุณภาพ, ปรับความเร็วเว็บ, ใส่คำอธิบายลิงก์ หรือแม้แต่ขนาดตัวหนังสือที่อ่านง่าย ๆ บอกเลยว่าถ้าเว็บดูดี Google จะอยากเชิญเพื่อนมาดูบ่อย ๆ ค่ะ
6. Off-page SEO
ถ้า On-page SEO คือจัดบ้านของเราเอง Off-page SEO คือการทำให้คนข้างนอกพูดถึงบ้านเราเยอะ ๆ ค่ะ อย่างเช่น การทำ Backlink หรือการสร้างลิงก์จากเว็บอื่นมายังเว็บเรา, การทำคอนเทนต์นอกเว็บที่น่าสนใจให้คนตามไปอ่าน, หรือแม้แต่ Local SEO ที่เน้นให้คนแถวนั้นเจอเว็บเราได้ง่าย ๆ ค่ะ
7. Backlink
Backlink ก็คือ “เสียงเชียร์” จากเว็บอื่นที่บอกว่า “เว็บนี้ดีนะจ๊ะ” Google เห็นแบบนี้ก็จะคิดว่าเว็บเราน่าเชื่อถือขึ้น ยิ่งมีเสียงเชียร์เยอะและคุณภาพดี เว็บเราก็จะติดหน้าแรกเร็วขึ้นค่ะ แต่ถ้าได้เสียงเชียร์จากเว็บที่ไม่ดี ก็เหมือนโดนแฟนเก่ามาแฉ น้องคิตตี้บอกเลยว่าไม่ดีแน่นอนค่ะ!
8. Title Tags
Title Tags คือชื่อเรื่องหรือชื่อหน้าเว็บของเราค่ะ ลองคิดดูนะคะ ถ้าเว็บเราไม่มีชื่อ Google จะงงมากว่าเว็บนี้เกี่ยวกับอะไร แล้วก็ไม่รู้จะจัดอันดับยังไง เลยอาจจะทำให้เว็บเราหายไปในทะเล Google ได้ค่ะ ดังนั้นใส่ชื่อเว็บให้น่ารัก เข้าใจง่าย และตรงใจ Google หน่อยนะคะ
9. Alt Tag
Alt Tag ก็คือคำบรรยายภาพค่ะ เหมือนเวลาเราส่งรูปให้เพื่อนแล้วบอกว่า “นี่รูปแมวน้อยน่ารักนะ” Google ก็ใช้คำนี้แหละช่วยเข้าใจว่าภาพนั้นคืออะไร ถ้าเราใส่คำอธิบายผิด ๆ เช่น รูปแมวแต่เขียนว่า “ขนมปัง” Google ก็จะงงสุด ๆ และอาจไม่ช่วยให้เว็บเราดีขึ้นนะคะ
10. Meta Tags
โอ้โห… Meta Tags ฟังดูเหมือนชื่ออาชีพสายลับเลยใช่ไหมคะ? แต่จริง ๆ แล้วมันคือ “คีย์โค้ดลับ” ที่อยู่ในส่วนหัวของเว็บไซต์เราค่ะ ลองคิดภาพนะคะ ว่าเว็บเรากำลังแต่งหน้าแต่งตัวเพื่อออกงาน Meta Tags คือช่างแต่งหน้าที่ช่วยเตรียมให้หน้าเว็บดูดีพร้อม Google จะได้ประมวลผลและเข้าใจเว็บของเราตั้งแต่แรกเห็น
Meta Tags มีหลายแบบ เช่น
- Page title คือชื่อเรื่องของหน้าเว็บค่ะ
- Header คือหัวข้อสำคัญที่ช่วยจัดระเบียบเนื้อหาในเว็บ
- Description คือคำอธิบายสั้น ๆ ที่บอกว่าเว็บนี้เกี่ยวกับอะไร
- Language บอกว่าเว็บเราใช้ภาษาอะไร (ไทยล้วนจ้า!)
- Keyword ใส่คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บเรา
- Content type บอกว่าเว็บเรามีอะไรบ้าง เช่น รูป วิดีโอ ข้อความ
- Revisit-after บอก Google Bot ว่าเมื่อไหร่ควรมาดูเว็บเราซ้ำ
- Robots บอกว่าจะให้ Google Bot จัดอันดับหรือไม่
จะเห็นไหมคะว่า Meta Tags นี่เหมือนเป็นบัตรประชาชนของเว็บเราที่ Google ต้องดูทุกครั้งก่อนตัดสินใจค่ะ
11. Meta Description
Meta Description คือคำโปรยเด็ด ๆ ที่ Google เอามาโชว์ใต้ลิงก์เว็บเราเวลาแสดงผลค้นหา คิดซะว่าเหมือนเราไปเจอร้านอาหารผ่านหน้าต่าง แล้วเขียนป้ายว่า “อาหารอร่อย สดใหม่ ทำสดทุกวัน” ถ้าป้ายนี้น่าสนใจ คนก็อยากเดินเข้าไปลองใช่ไหมคะ? ถ้าเขียน Meta Description ได้โดนใจ Google และผู้ค้นหา ก็มีโอกาสทำให้คนคลิกเข้าเว็บเรามากขึ้นค่ะ
12. E-E-A-T
E-E-A-T คือเกณฑ์ลับที่ Google ใช้ตรวจสอบคุณภาพเนื้อหาบนเว็บค่ะ
ย่อมาจาก
- Experience คือประสบการณ์จริงของคนเขียน เช่น รีวิวของคนที่ใช้ของจริง
- Expertise คือความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้น ๆ เช่น หมอพูดเรื่องสุขภาพ
- Authority คือความมีชื่อเสียง เช่น คนดังหรือองค์กรที่น่าเชื่อถือ
- Trustworthiness คือความน่าเชื่อถือ เช่น เว็บที่มีข้อมูลติดต่อชัดเจน
ถ้าเว็บเราได้คะแนน E-E-A-T สูง ก็เหมือนมีตราประทับ “เว็บดี” ที่ Google จะชอบมากค่ะ
13. Link Building
Link Building คือการสร้าง “สะพานเชื่อม” ระหว่างหน้าเว็บของเราเองค่ะ เหมือนน้องคิตตี้มีบ้านหลายหลัง แล้วต้องทำทางเดินให้เพื่อนสาวเดินไปมาได้สะดวก เพื่อให้ Google เข้าใจว่าเนื้อหาบนเว็บเรามันเชื่อมโยงกันยังไง ถ้าทำดี Google ก็จะรู้ว่าเว็บเรามีเนื้อหาครบถ้วนและน่าเชื่อถือค่ะ
14. Crawling
Crawling คือการที่ Google ส่ง “หุ่นยนต์สำรวจ” (Bot) ออกไปเดินเก็บข้อมูลเว็บทั่วโลกค่ะ เหมือนหุ่นยนต์สอดแนมที่ไปดูว่าเว็บไหนมีอะไรใหม่ น่าสนใจ แล้วเอากลับมาบอก Google เพื่อจัดอันดับค่ะ
15. Indexed
Indexed คือการที่ Google นำข้อมูลที่เก็บมาได้ มาจัดเก็บไว้ในห้องสมุดยักษ์ของเค้า เหมือนน้องคิตตี้เอาหนังสือมาเข้ารหัส และจัดวางไว้ในชั้นหนังสือ เพื่อให้ Google หาเจอและดึงมาแสดงผลเวลาคนค้นหา ถ้าเว็บเราไม่ถูก Indexed ก็เหมือนหนังสือที่ยังไม่ถูกใส่ลงชั้น จะไม่มีใครหาเจอแน่นอนค่ะ!
16. Ranking
อันนี้คือ “โชว์ตัวแม่บนเวที Google” ค่ะ! Ranking ก็คือกระบวนการสุดท้ายที่ Google เอาข้อมูลทุกอย่างมารวมกันแล้วตัดสินใจว่า เว็บไหนจะขึ้นโชว์ก่อนหลังบนหน้าผลลัพธ์ค่ะ ยกตัวอย่างเวลาค้นคำว่า “ข้าวกระเพาไก่” Google จะไม่ใช่แค่เอาภาพสวย ๆ หรือแค่ข้อความมาโชว์นะคะ เค้าจะคิดแบบแม่ค้าออนไลน์มือโปรเลยว่า คนส่วนใหญ่อาจอยากได้ทั้งสูตรทำข้าวกระเพาไก่ดี ๆ แผนที่ร้านที่ขายอร่อย ๆ หรือรีวิวเด็ด ๆ ด้วย
สุดท้าย Google ก็จะเลือก “แม่สตรอง” ที่ตอบโจทย์คนค้นหาแบบตรงจุดที่สุด ขึ้นโชว์ให้ก่อนใครค่ะ
17. Site Structure
Site Structure ก็คือ “แปลนบ้าน” ของเว็บไซต์ค่ะ เหมือนน้องคิตตี้จะสร้างบ้านใหม่ ก็ต้องมีแบบแปลนบอกว่าห้องไหนอยู่ตรงไหน ทางเดินไปยังไง Google bot ก็เหมือนแขกที่จะมาบ้านเรา ต้องรู้ว่าทางเข้าบ้านอยู่ตรงไหน เดินไปห้องครัวยังไง โดยไม่หลงทาง ถ้า Site Structure ดี Google จะเข้าใจเว็บเราไว เดินสำรวจง่าย ทำให้เว็บถูกจัดอันดับดีค่ะ
18. Sitemap
Sitemap คือ “ป้ายบอกทาง” ที่ชัดเจนที่สุดบนเว็บค่ะ มันคือสารบัญที่รวบรวมลิงก์ รูปภาพ หน้าเว็บทุกหน้าไว้ด้วยกัน Google bot เห็นป้ายนี้ก็ไม่ต้องเดินหลง เพราะรู้ว่า “อ้อ… นี่แหละจุดที่ต้องไปเยี่ยมชม!” การมี Sitemap ดี ๆ ก็เหมือนมีป้ายไฟบอกทางในงานปาร์ตี้ ให้ Google เดินไปเจอทุกจุดสำคัญของเว็บเราได้ครบค่ะ
19. Dofollow
Dofollow ก็คือลิงก์ที่เป็น “สายเปย์” ของ SEO ค่ะ เมื่อเราลิงก์เว็บอื่นด้วย Dofollow ก็เหมือนเราบอก Google ว่า “เว็บนี้น่ะ ดีจริง ๆ เชียร์เต็มที่!” เว็บไซต์ที่ได้ลิงก์นี้ก็จะได้คะแนน SEO ไปด้วย
20. Nofollow
Nofollow คือลิงก์สาย “มิตรภาพ แต่ไม่ส่งคะแนน” ค่ะ เวลาน้องคิตตี้ลิงก์ไปเว็บอื่นด้วย Nofollow คือการบอก Google ว่า “ไปดูเอาเองนะคะ แต่ไม่ต้องคิดคะแนนให้เว็บนี้นะ” ซึ่งก็ยังช่วยเพิ่ม Traffic ได้ แต่ไม่ส่งผลต่อคะแนน SEO ค่ะ
21. Keyword Difficulty
Keyword Difficulty คือ “ด่านบอสสุดโหด” ที่ต้องเจอเวลาจะเลือกคีย์เวิร์ดค่ะ ค่านี้บอกว่าคีย์เวิร์ดนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ถ้าเลือกคีย์เวิร์ดยากเกินไปก็เหมือนจะสู้กับราชาปีศาจ SEO เลยทีเดียว น้องคิตตี้เลยต้องพิจารณาให้ดีว่า ควรเอาคีย์เวิร์ดนี้มาใช้หรือเปล่า จะได้ไม่เหนื่อยฟรีค่ะ
22. Seed Keyword
Seed Keyword คือ “เมล็ดพันธุ์คำค้น” ค่ะ มันคือคำกว้าง ๆ ที่สะท้อนถึงตัวสินค้าหรือบริการ เช่น “รองเท้า” “แว่นตา” หรือ “กระเป๋า” เมล็ดพันธุ์พวกนี้จะงอกเงยกลายเป็นคำค้นที่เจาะจงขึ้นได้อีกเยอะ ต้องใช้ Seed Keyword เป็นจุดเริ่มต้นในการวางแผน SEO ค่ะ
23. Niche Keyword
Niche Keyword คือคำค้นที่เจาะลึกลงไปมากกว่า Seed Keyword ค่ะ เหมือนกับถ้า Seed Keyword คือ “รองเท้าผ้าใบ” Niche Keyword ก็คือ “รองเท้าผ้าใบสีขาว” หรือ “รองเท้าผ้าใบ Adidas” ค่ะ คือพูดถึงเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เหมือนน้องคิตตี้ชอบรองเท้าผ้าใบสีขาว ใส่ยี่ห้อนี้เท่านั้นเลยค่ะ!
24. Long-tail Keyword
Long-tail Keyword คือคีย์เวิร์ดที่เจาะจงสุด ๆ ค่ะ เช่น “รองเท้าผ้าใบสีขาวเพื่อสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ” ฟังดูยาวและเป๊ะปังมาก ใช่ไหมคะ? ข้อดีคือคำพวกนี้ตรงกับใจคนค้นหามาก ๆ ทำให้โอกาสซื้อขายสูงกว่าคำกว้าง ๆ แต่ข้อเสียคือคนค้นหาน้อยกว่า เพราะมันเจาะจงเกินไปค่ะ
25. Internal Link
Internal Link คือทางเดินในบ้านเว็บของเราค่ะ เป็นลิงก์ที่เชื่อมโยงหน้าต่าง ๆ ในเว็บเข้าหากัน เช่น ถ้าน้องคิตตี้อ่านบทความนี้อยู่ แล้วมีลิงก์พาไปดาวน์โหลดอีบุ๊ค หรือไปอ่านบทความอื่นที่เกี่ยวข้อง นั่นแหละ Internal Link ค่ะ ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บเราดีขึ้น และทำให้น้องคิตตี้ไม่ต้องเดินหลงในบ้านเว็บด้วยนะคะ
26. External Link
External Link คือทางเชื่อมออกจากบ้านเราไปบ้านเพื่อนค่ะ
มีหลายแบบ เช่น
- In-content Links คือแทรกลิงก์ในเนื้อหา
- Navigation Links คือเมนูนำทาง
- Footer Links อยู่ที่ส่วนล่างของเว็บ
- Redirect Links พาไปที่อื่นเลย
- Canonical Links บอก Google ว่าเนื้อหาหน้านี้เหมือนเนื้อหาหน้าไหน
การมี External Link ดี ๆ ก็ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ค่ะ
27. Tropical Content
Tropical Content คือเนื้อหาที่ “มาไวไปไว” ค่ะ เหมือนข่าวดารา หรือวีดีโอไวรัลที่ฮิตอยู่พักนึง แล้วก็หายไปในพริบตา ข้อดีคือทำง่ายและคนเข้าดูเยอะ แต่ข้อเสียคือไม่นานก็หมดความฮิต ทำให้ SEO ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ค่ะ
28. Evergreen Content
Evergreen Content คือเนื้อหาที่ “สดอยู่ตลอดกาล” ค่ะ เหมือนคู่มือ “วิธีทำใบขับขี่” หรือ “สูตรทำขนมปัง” ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน คนก็ยังอยากอ่านอยู่เรื่อย ๆ เนื้อหาแบบนี้แหละที่ Google ชอบมาก เพราะช่วยดึงคนเข้าเว็บได้ยาว ๆ ค่ะ
29. Organic Traffic
Organic Traffic ก็คือคนที่เดินเข้ามาเว็บเราแบบ “ฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย” ค่ะ คือคนที่เจอเว็บเราผ่านการค้นหาปกติใน Google ไม่ได้มาจากโฆษณา ถ้าน้องคิตตี้ชอบอะไรฟรี ๆ และอยากได้คนเข้ามาเยอะ ๆ ก็ต้องทำ SEO ดี ๆ เพื่อดึง Organic Traffic ค่ะ
30. Search Volume
Search Volume คือจำนวนคนที่ค้นหาคีย์เวิร์ดนั้น ๆ ใน Google ค่ะ ถ้า Search Volume สูง แปลว่าคนนิยมค้นหาคำนี้เยอะ เป็นสัญญาณว่าเราควรให้ความสำคัญกับคำนั้นใน SEO แต่ต้องดูควบคู่กับความยากของคีย์เวิร์ดด้วยนะคะ เพราะบางคำคนค้นเยอะ แต่แข่งกันโหดเหมือนชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุกเลยค่ะ!
31. Traffic
Traffic ก็คือจำนวนคนที่แวะมาเยี่ยมเว็บไซต์ของเราค่ะ เหมือนน้องคิตตี้เปิดบ้านเลี้ยงปาร์ตี้ แล้วนับว่าแขกกี่คนมาเยือนนั่นแหละค่ะ! ถ้า Traffic เยอะ ก็แปลว่าเว็บน้องคิตตี้ปัง มีคนสนใจแวะมาดูสินค้า บทความ หรือของเด็ด ๆ เยอะมาก แต่ถ้า Traffic น้อย ก็เหมือนจัดงานเลี้ยงแต่แขกไม่มา… น้องคิตตี้ก็จะเหงาหน่อยนะคะ การเพิ่ม Traffic ก็เหมือนการเชิญเพื่อน ๆ มางานให้มากขึ้น น้องคิตตี้ก็ต้องจัดอาหารอร่อย ๆ จัดเพลงมันส์ ๆ ให้คนอยากมาและอยากอยู่ยาว ๆ ค่ะ
32. Google Algorithm
Google Algorithm คือ “สมองกล” หรือ “กฎลับ” ที่ Google ใช้ในการคัดเลือกและจัดอันดับเว็บไซต์ต่าง ๆ ว่าใครจะขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ Google Search บ้างนะคะ ไม่ใช่แค่เว็บไหนก็ได้จะขึ้นนะคะ ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์นี้ก็อดจ้า!
สรุปกันเลยแล้วกัน
โอ้โห ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ น้องคิตตี้ขอปรบมือให้เลยค่ะ เพราะแปลว่าคุณเก่งขึ้นแล้ว ได้รู้จักกับศัพท์แสง SEO แบบย่อ ๆ ที่ไม่ได้ยากเกินไปใช่ไหมคะ? แต่น้องคิตตี้ก็ต้องบอกก่อนว่า… SEO ไม่ได้จบแค่คำศัพท์ที่น้องคิตตี้เล่าให้ฟังนะคะ ยังมีคำศัพท์อีกเยอะมาก ๆ ที่รอให้คุณได้ไปเจอและทำความรู้จัก รวมถึงกลยุทธ์เด็ด ๆ ที่จะช่วยให้เว็บคุณปังปุริเย่มากขึ้นไปอีก!
คำศัพท์ที่ผ่านมานี่ก็เหมือนเป็น “เครื่องประดับ” ที่ต้องมี แต่ยังมี “ชุดสวย ๆ” ให้เลือกใส่อีกเยอะค่ะ น้องคิตตี้อยากให้คุณรู้ไว้ว่าการเขียนบทความ SEO นั้นไม่ใช่เรื่องน่ากลัว หรือยากจนต้องกลัวผีสางอะไรเลยนะคะ ถ้าคุณใส่ใจและทุ่มเทจริง ๆ เว็บของคุณก็มีโอกาสได้ขึ้นไปครองบัลลังก์หน้าแรก Google แบบปัง ๆ แน่นอนค่ะ!
ยิ่งตอนนี้ Google ฉลาดขึ้นทุกวัน มันเหมือนน้องคิตตี้ได้ครูสอนเต้นที่เข้าใจจังหวะเพลง และช่วยปรับสเต็ปให้สวยงามขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราเต้นรำกับ Google ได้อย่างมั่นใจและเพลินค่ะ