สวัสดีค่า เพื่อนๆ ทุกคน วันนี้น้องคิตตี้จะมาชวนเมาท์มอยเรื่อง “Indexing” หรือ “การจัดเก็บข้อมูล” ค่ะ ชื่อฟังดูยากใช่มั้ยคะ? แต่จริงๆ แล้ว มันง่ายแถมสนุกนะ เดี๋ยวคิตตี้จะเล่าให้ฟังแบบง่ายๆ ฉบับสาวหวานอย่างเราค่ะ (พร้อมยิงมุกขำๆ ไปด้วยนะคะ)
Indexing คืออะไร ?
ง่ายๆ เลยนะคะ Indexing ก็คือการสร้างสารบัญข้อมูล หรือเหมือนกับเราเขียน “ไดอารี่” แล้วทำสารบัญไว้ที่หน้าแรกนั่นเองค่ะ เวลาจะหาข้อมูล จะได้ไม่ต้องพลิกกันจนเหนื่อยนิ้วจนเล็บลอก (แอบเว่อร์ อิอิ) การมี Index ช่วยให้เราค้นหาข้อมูลเร็วขึ้น และประหยัดเวลาไปเยอะเลยค่ะ
แล้ว Indexing ใช้งานยังไงบ้างล่ะ ?
สมมติว่าเรามีข้อมูลจำนวนมากๆ นะคะ อย่างไฟล์ภาพ หรือข้อมูลในเว็บไซต์ ถ้าไม่มีการทำ Index ไว้ เวลาจะหาทีต้องมาไล่ดูทีละอันเหมือนหาเข็มในมหาสมุทร (โหย…ปวดหัวเลยค่ะ!) แต่พอเราทำ Index ไว้ เราก็แค่บอกว่า “ไปหาหน้าหรือข้อมูลหมายเลขนี้นะ” ระบบก็จะไปดึงข้อมูลนั้นมาให้ทันที เหมือนมีเลขาส่วนตัวเลยค่ะ คิตตี้ชอบมากกก (อยากมีจริงๆ นะคะ)
ขั้นตอนการทำงานของ Indexing
1. เริ่มจากสแกนก่อนเลยค่า
ก่อนจะมีการจัดดัชนี (Indexing) เจ้า Google และเครื่องมือค้นหาจะส่งเจ้าหุ่นยนต์แสนขยันที่เรียกว่า Crawlers หรือ Spiders ไปตระเวนเที่ยวเว็บไซต์ต่างๆ ค่ะ (แต่ไม่ใช่ Spider-Man นะคะ อิอิ) หุ่นยนต์ตัวนี้จะคอยคลิกตามลิงก์ที่มีอยู่บนเว็บไซต์ แล้วก็เก็บข้อมูลทั้งหมดกลับไปเหมือนเวลาเราไปช้อปปิ้งแล้วได้ของเต็มไม้เต็มมือเลยค่ะ (แอบอิจฉาหุ่นยนต์ค่ะ) นอกจากนี้เจ้าของเว็บไซต์ยังสามารถบอกที่อยู่ของหน้าเว็บให้ Google ด้วยวิธี XML Sitemap ได้อีกด้วยนะคะ
2. เก็บข้อมูลเข้า Index เรียบร้อยค่ะ
พอเจ้าหุ่นยนต์ Crawlers เก็บข้อมูลกลับมาแล้วนะคะ ข้อมูลทั้งหมดก็จะถูกนำไปเก็บไว้ในฐานข้อมูลพิเศษของ Google ที่เรียกว่า ดัชนี (Index) ค่ะ พูดง่ายๆ ว่าดัชนีนี้ก็คือห้องเก็บของของ Google นั่นเองค่ะ (แต่เป็นห้องเก็บข้อมูลดิจิทัลนะคะ ไม่ใช่เก็บชุดเดรสหรือกระเป๋าน้าาา)
3. ข้อมูลพร้อมใช้งานแล้วค่า
พอหน้าเว็บถูกจัดเก็บใน Index แล้ว ทีนี้เวลาเราค้นหาอะไรสักอย่างผ่าน Google เจ้าหน้าเว็บที่เกี่ยวข้องก็จะโชว์ขึ้นมาให้เราดูค่ะ เรียกว่า “หน้าสวยพร้อมออกงาน” เหมือนกับคิตตี้เวลาแต่งตัวไปเดินห้างกับเพื่อนเลยค่ะ (แต่หน้าน้องคิตตี้ไม่ต้องค้นหาใน Google นะคะ เพราะอยู่ที่นี่แล้ว อิอิ)
วิธีตรวจสอบว่า Google ทำดัชนีเว็บไซต์เราไปหรือยัง
วิธีตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเราถูก Google จัดเก็บ (Index) หรือยังนะคะ แบบง่ายๆ
1. ใช้ URL Inspection Tool สุดเริ่ด
เราสามารถเช็กได้ง่ายๆ ผ่าน Google Search Console โดยใช้ URL Inspection Tool ค่ะ เจ้าเครื่องมือนี้จะบอกเลยว่า URL หน้าเว็บไหนของเราได้รับการดัชนีหรือยัง ถ้ายังไม่โดนดัชนีก็ไม่ต้องเศร้านะคะ เพราะเราสามารถกดขอให้ Google ทำการดัชนีใหม่ได้ด้วยค่ะ (เหมือนกดรีเฟรชชีวิตใหม่เลยค่า คิตตี้ชอบมาก 555)
2. ค้นหาด้วยเทคนิคสุดปัง: site:yourdomain.com
อีกวิธีง่ายสุดๆ ก็คือพิมพ์ในช่องค้นหา Google ว่า site:yourdomain.com (เปลี่ยน yourdomain.com เป็นชื่อเว็บไซต์ของเรานะคะ) ทีนี้ Google จะโชว์เลยว่าหน้าไหนของเว็บไซต์เราถูกจัดเก็บไว้บ้างค่ะ เหมือนเสกเวทย์มนต์ง่ายๆ ใน Google เลยค่า (แอบเป็นแม่มดน้อยน่ารักมั้ยคะ อิอิ)
ประเภทของ Indexing มีอะไรบ้างคะ?
- Single-level indexing: เหมือนสารบัญทั่วไปเลยค่ะ เป็นการบอกตำแหน่งตรงๆ ง่ายๆ ใสๆ เหมาะกับข้อมูลที่มีไม่มากนักค่ะ
- Multi-level indexing: อันนี้ซับซ้อนนิดนึงค่ะ เป็นการทำสารบัญหลายๆ ชั้น เหมือนมีเลเยอร์ของคุชชั่นที่คิตตี้ทาหน้านั่นแหละค่า 555
- Hash indexing: ระบบนี้เจ๋งค่ะ ใช้หลักการคำนวณตำแหน่งข้อมูลด้วยฟังก์ชันแฮช ไม่ใช่แฮชบราวน์นะคะ (ถึงฟังแล้วหิวก็เถอะ)
ข้อดีของการทำ Indexing นะคะ
- ค้นหาข้อมูลได้เร็วปรี๊ด ไม่ต้องรอนานเหมือนรอแฟนแต่งตัวค่ะ (อุ๊บส์)
- ประหยัดเวลาและแรงในการค้นหาข้อมูลค่ะ จะได้เอาเวลาไปช้อปปิ้งแทน
- เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของระบบฐานข้อมูลให้ปังปุริเย่เลยค่ะ
ข้อเสียที่ต้องระวังนะคะ
- ถ้าทำ Index มากเกินไป ก็จะเปลืองที่จัดเก็บนะคะ คล้ายกับการช้อปเสื้อผ้าเยอะเกินตู้ค่ะ
- การอัปเดต Index บ่อยๆ อาจจะทำให้ระบบช้าลงค่ะ เหมือนกับเวลาคิตตี้เติมเครื่องสำอางบ่อยเกินไป จนกระเป๋าเลอะค่ะ (แง)
อัพเดทข้อมูลล่าสุด (ปี 2025 นะคะ)
เดี๋ยวนี้ระบบจัดเก็บข้อมูล เช่น Database ใหม่ๆ เช่น MongoDB หรือ Elasticsearch มีฟีเจอร์ทำ Indexing อัตโนมัติ ช่วยลดปัญหาที่เคยเจอจากการทำ Indexing แบบเดิมๆ ด้วยนะคะ เรียกว่าสบายขึ้นไปอีกค่ะ หวังว่าทุกคนจะชอบและเข้าใจเรื่อง Indexing ง่ายขึ้นแล้วนะคะ
สรุป
- Indexing คือการสร้างสารบัญข้อมูล เพื่อให้ค้นหาง่าย เหมือนทำสารบัญหน้าแรกในไดอารี่ค่ะ
- ช่วยให้ค้นข้อมูลเร็วขึ้น ไม่เสียเวลาพลิกหาแบบมั่วๆ
- ประเภทของ Indexing มี 3 แบบคือ
- Single-level indexing (สารบัญธรรมดา)
- Multi-level indexing (สารบัญซับซ้อนหลายชั้น)
- Hash indexing (ใช้การคำนวณพิเศษ)
- ข้อดี: ค้นเร็ว ประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพ
- ข้อเสีย: กินพื้นที่เยอะถ้าทำมากไป และถ้าอัปเดตบ่อยๆ จะทำให้ช้า
การทำ Indexing จึงสำคัญมากสำหรับการทำ SEO เพราะถ้าเรามีข้อมูลในดัชนีของ Google ก็จะช่วยให้คนค้นหาเราเจอง่ายขึ้น และเพิ่มโอกาสที่คนจะเข้ามาดูเว็บไซต์ของเรามากขึ้นด้วยค่ะ (เป็นเหมือนการได้เดินพรมแดงเข้างานเลยทีเดียว อิอิ)
หวังว่าเพื่อนๆ จะเข้าใจง่ายและสนุกกับเรื่อง Indexing ฉบับน้องคิตตี้นะคะ คิตตี้ขอไปเลือกชุดไปเดินพรมแดงก่อนนะคะ (แอบมโนอีกแล้วค่ะ) บ๊ายบายค่า~ะ